เหตุการณ์สำคัญ
- เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2564 มีมติอนุมัติการลงนามสัญญาซื้อขาย ไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (“กฟผ.”) เพื่อทดแทนสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ฉบับปัจจุบันที่จะหมดอายุลงในเดือนเมษายน 2567 อันเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกํากับกิจการ พลังงาน (กกพ.) เรื่อง ประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก ประเภท Firm ระบบ Cogeneration ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 2562-2568 (ก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่) พ.ศ. 2562 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2562 และได้มีมติอนุมัติทําสัญญาว่าจ้างออกแบบและจัดหาอุปกรณ์ กับ Jurong Engineering Limited ประเทศสิงคโปร์ และสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างกับ บริษัท ไทยจูรอง เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด มูลค่าสัญญารวมทั้งสิ้นประมาณ 2,476.19 ล้านบาท ขนาดกําลังการ ผลิตไฟฟ้าสุทธิ 73 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 75 ตันต่อชั่วโมง เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของการต่ออายุ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. โดยได้มีการลงนามสัญญาดังกล่าวไป เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564
- เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จํานวน 208,695,652 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจํานวน 955,000,000 บาท เป็นทุน จดทะเบียนใหม่จํานวน 1,163,695,652 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 208,695,652 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1.00 บาทเพื่อเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) โดยกําหนดราคาเสนอขายไว้อย่างชัดเจน
- เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม บมจ.ราช กรุ๊ป ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทในราคาหุ้นละ 5.75 บาท จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้ถือหุ้นรายย่อยเดิม จํานวน 384,789,131 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 33.07 และซื้อหุ้นสามัญ เพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) จํานวน 208,695,652 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 17.93 รวมถือหุ้น 593,484,783 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียนและทุนที่เรียกชําระแล้ว 1,163,695,652 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ส่งผลให้ บมจ.ราช กรุ๊ป มีสถานะเป็นบริษัทใหญ่ของบริษัท
- เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม บริษัทได้ทําสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติระยะยาวกับ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) ระยะเวลา 25 ปี นับจากเดือนเมษายน 2567 เพื่อรองรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. เพื่อทดแทนสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับปัจจุบันที่จะหมดอายุ ลงในเดือนเมษายน 2567
- ได้รับรองระบบมาตรฐานการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (ISO 45001 : 2018) จากสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (MASCI) เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563
- ได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการ ในระดับ “ดีเลิศ หรือ 5 ดาว” ตามโครงการการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)
- ผ่านเกณฑ์การประเมิน “Thailand Sustainability Investment 2020” (THSI) หรือ “หุ้นยั่งยืน” ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 3,000-10,000 ล้านบาท และรับรางวัลกิตติกรรมประกาศ Sustainability Disclosure Acknowledgement จากสถาบันไทยพัฒน์
- บริษัท สหกรีน ฟอเรสท์ จำกัด และ บริษัท สหโคเจน กรีน จำกัด (บริษัทย่อย) ได้รับการรับรองการต่ออายุโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) ต่อเนื่องครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563
- บริษัทผ่านเกณฑ์การประเมิน “Thailand Sustainability Investment 2019” (THSI) หรือ “หุ้นยั่งยืน” ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 3,000-10,000 ล้านบาท
- บริษัท สหโคเจน กรีน จำกัด และ บริษัท สหกรีน ฟอเรสท์ จำกัด (บริษัทย่อย) ได้รับการรับรองโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561
- คณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2561 อนุมัติลงทุนในบริษัท อิมแพค โซล่าร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดหาระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) สัดส่วนการถือหุ้น 21.00% จำนวน 9,093,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 90,930,000 บาท
- บริษัทผ่านเกณฑ์การประเมิน “Thailand Sustainability Investment 2018” (THSI) หรือ “หุ้นยั่งยืน” ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 3,000-10,000 ล้านบาท
- บริษัท สหโคเจน กรีน จำกัด และ บริษัท สหกรีน ฟอเรสท์ จำกัด (บริษัทย่อย) ได้รับการเห็นชอบจาก คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ให้ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน มีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าไฟฟ้า จากระบบ Adder เป็นแบบ Feed-in Tariff ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2559
- ได้รับการรับรองโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) ลำดับที่ 181 เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559
- บริษัท สหโคเจน กรีน จำกัด (บริษัทย่อย) ได้รับรางวัล “Thailand Green Design Awards 2015 (TGDA 2015)” ประเภท Honorary Awards ในการประกวดผลิตภัณฑ์ประเภทประหยัดพลังงาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกษตรประเภทไม่ใช่อาหาร จัดโดยสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรม (KAPI)
- บริษัท สหโคเจน กรีน จำกัด (บริษัทย่อย) ได้รับเกียรติบัตรรับรองการจัดการสวนป่าอย่างยั่งยืน( Forest Stewardship Council: FSC) ตามมาตรฐานสากล จากสถาบัน Bureau Veritas จากโครงการปลูกไม้โตเร็วเพื่อพลังงาน โดยความร่วมมือจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2558 มีผลถึงวันที่ 4 มิถุนายน 2563
- บริษัท สหกรีน ฟอเรสท์ จำกัด (บริษัทย่อย) ได้รับรางวัลดีเด่น ด้านพลังงานทดแทน ประเภทโครงการพลังงานหมุนเวียนที่เชื่อมโยงกับระบบสายส่งไฟฟ้า (On-Grid) ในการประกวด Thailand Energy Awards 2015 จัดโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) รางวัล “CSR-DIW Awards 2015” โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมให้มีการพัฒนาด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับ 3 (Green Industry) ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ เลขที่ 34448/2558 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558 จากกระทรวงอุตสาหกรรม
- ได้รับรางวัล “Investors’ Choice Award” ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557 ประเภทคะแนนการประเมินคุณภาพการประชุมสามัญประจำปี เต็ม 100% ต่อเนื่องกัน 5 ปี ซ้อน ของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
- ได้รับรางวัล “CSR Recognition Award 2014” ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เพื่อประกาศเกียรติคุณยกย่องและเป็นกำลังใจแก่บริษัทจดทะเบียน ที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่น (Outstanding Corporate Social Responsibilities Awards 2014) กลุ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดระหว่าง 2,000-10,000 ล้านบาท ในกิจกรรม SET AWARD 2014
- บริษัท สหโคเจน กรีน จำกัด ได้รับรางวัลดีเด่น Thailand Energy Awards 2013 ประเภทโครงการพลังงานความร้อนร่วมจากพลังงานหมุนเวียน (Cogeneration) ด้านพลังงานทดแทน (Renewable Energy) จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน และรางวัลชนะเลิศด้านพลังงานทดแทน จากการประกวดผลงานด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนระดับภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Energy Awards 2013)
- ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ระดับ 3 การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ มีการติดตามประเมินผล และทบทวนเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เลขที่ 3-879/2555 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 มีผลถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2558 โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
- ได้รับมอบรางวัลและเกียรติบัตรมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อสังคมเบื้องต้น ตามโครงการ CSR-DIW for Beginner Award โดยผ่านตามเกณฑ์การประเมินของคณะกรรมการของกรมโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2555
- จัดตั้งบริษัท สหกรีน ฟอเรสท์ จำกัด (บริษัทย่อย) ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 5 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2551 เป็นการร่วมทุนกับบริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด สัดส่วนการถือหุ้น 75 : 25 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิต 7.5 เมกะวัตต์ ที่ตั้ง ณ อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนรวม 190 ล้านบาท
- จัดตั้งบริษัท สหโคเจน กรีน จำกัด (บริษัทย่อย) ทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549 โดยบริษัทถือหุ้นทั้งหมด เพื่อดำเนินโครงการผลิตพลังงานความร้อนร่วมชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 9.6 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 25 ตัน ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ จังหวัดลำพูน ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนรวม 1,520 ล้านบาท
- ขยายเพิ่มกำลังการผลิตขนาด 44 เมกะวัตต์แล้วเสร็จ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 174 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 81 ตันต่อชั่วโมง
- เริ่มเปิดการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ SCG เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2547
- ได้รับการรับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน (ISO 14001 :1996) จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (Thailand Environment Institute) เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2545
- ได้รับการรับรองระบบการบริหารงานคุณภาพตามมาตรฐาน (ISO 9001:2000) สำหรับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ จาก RWTUV (Thailand) ในเดือน กันยายน 2545
- จดทะเบียนแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2545 และเปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัท สหโคเจน(ชลบุรี) จำกัด (มหาชน)
- ได้รับรางวัล “สถานประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามข้อกำหนดรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมดีเด่น โครงการประเภทโรงไฟฟ้า ประจำปี พ.ศ. 2543” จากสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2543
- เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและบริษัทต่างๆในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ศรีราชาในเดือน เมษายน 2542 และไอน้ำ ในเดือนพฤษภาคม 2542
- ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำกับบมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง อายุสัญญา 15 ปี สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต อายุสัญญา 25 ปี และสัญญาการปฏิบัติการเดินเครื่องและบำรุงรักษากับบจ.ออปอเรชั่นนอลเอ็นเนอร์ยี่ กรุ๊ป
- จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2539